อ่านรีวิวก่อนย้อนดู The Lion King 2019 กันดีกว่า
- leeopalxr
- Apr 13, 2020
- 1 min read
เรื่องราวของสิงโตแห่งผาทรนง หลังสกา พระอนุชาวางแผนลอบปลงพระชนม์มูฟาซาและเถลิงอำนาจเป็นกษัตริย์ผู้ครองผาทรนง ทำให้ซิมบ้า หน่อเนื้อกษัตริย์แท้ๆ ต้องเนรเทศตัวเองไปไกลจากผาทรนง จนเขาได้พบกับ 2 คู่หู พุมบ้า หมูป่าจอมป่วนและทีโมน เมียร์แคตจอมกวน จนวันนึงที่ได้พบกับ นาลา สิงห์สาวคู่หมายวัยเยาว์อีกครั้ง ทำให้ ซิมบ้า ต้องตัดสินใจว่าเขาจะกลับผาทรนงเพื่อพิสูจน์ความกล้าและทวงคืนบัลลังก์อันชอบธรรมของตนอีกครั้งหรือไม่
หลังชิมลางทั้งหนังซูเปอร์ฮีโร่อย่าง Ironman (2008) และ The Jungle Book (2016) หนังประเดิมไลฟ์แอ็คชั่นจากดิสนีย์ไปแล้ว จอห์น แฟฟโรว์ มองเผินๆ จากโปรไฟล์อาจจะคิดว่างานนี้ แฟฟโรว์เคี้ยวหมูแน่ๆ อย่าลืมว่า ฉบับแอนิเมชันปี 1994 ถือเป็นงานคลาสสิกระดับชิ้นโบว์แดงที่แฟนๆ รักที่สุด ครองตำแหน่งทั้งแอนิเมชันวาดมือที่ทำเงินสูงที่สุดในโลก เคยกลับมาฉายทั้งแบบ IMAX และ 3D ที่ยังคงประสบความสำเร็จด้านรายได้ระดับปรากฎการณ์เช่นเดิม ดังนั้นการนำผลงานระดับขึ้นหิ้งแบบนี้หากไม่ได้รับดอกไม้ก็คงโดนทั้งคนดูและนักวิจารณ์รุมสับเละทีเดียว
ปัญหาจากความเป็น “แอนิเมชันอันเป็นที่รัก” ยังคงเป็นกรอบตีตราให้หนังดิสนีย์ไลฟ์แอ็กชันแทบทุกเรื่องทั้ง The Jungle Book, Beauty and The Beast หรือ Cinderella มาก่อนหน้านี้แล้ว เพราะหากผู้กำกับไม่กล้าบ้าบิ่นแบบกาย ริชชี ที่เลือกดัดแปลงแก้ให้ Aladdin กลายเป็นนิทานอาหรับราตรีฉบับพังค์ ฮิปฮอป จนสำเร็จไปก่อนหน้านี้แล้ว ก็คงจะต้องเลือกดัดแปลง Maleficent
แต่แล้ว The Lion King กลับเลือกจะเพลย์เซฟ ด้วยการอิงบทดั้งเดิมของเจฟ นาธานสัน และเบรนดา แชปแมน แบบแทบทุกกระเบียดนิ้ว ลามไปยันงานภาพที่เหมือนกางกระดาษลอกลายจากฉบับการ์ตูนแบบเกือบเฟรมต่อเฟรม โดยชูเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์กราฟิกมารังสรรค์ให้ภาพ “ดูมีชีวิต” ขึ้นซึ่งก็กลายเป็นดาบสองคมอย่างช่วยไม่ได้

Comentarios